"ความสุข" ยิ่งวิ่งหา ยิ่งวิ่งตาม นับวันแต่จะยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยฯ

วันที่ 1 มีนาคม 2560  สู่ชนบท / ท้องถิ่นภาคอีสาน

             เมื่อวานนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2560) เวลาเกือบค่ำแล้ว จึงตัดสินในหยุดการเดินทางไว้ก่อน เห็นเงาตะคุ่มฯของกระท่อมอยู่กลางนา คิดว่าถึงเวลาแล้วจะได้อาศัยกระท่อมปลายนานั้นเป็นที่พักหลับนอนสำหรับคืนนี้ เดินมาถึงแล้วจึงได้กางกลดถึงแม้จะมีกระดานแผ่นเดียว (ภาษาอีสานเรียกว่า"แป้นปีก") หากนอนไม่มีสติก็อาจจะตกแป้นปีกได้ ด้วยความที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งวันจึงหลับไปเมื่อหัวถึงสังฆาฏิ (หมอน)
               ตื่นขึ้นมาเช้าวันนี้ (1 มีนาคม 2560) หลังจากเดินดูบริเวณรอบฯแล้ว จึงได้นำโทรศัพท์มาเขียนบันทึกการเดินทางบน "ไดอารี่บุญ" รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ของอำเภอประจักษ์ศิลปาคม คาดว่าน่าจะเป็นเขตของจังหวัดอุดรธานี  เมื่อถึงเวลาสายฯ การเดินจงกลมก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง จนกว่าจะถึงเวลาค่ำ จะได้พบอะไรบ้างกับการเดินทางในวันนี้ จะได้นอนสถานที่เป็นอย่างไร ไม่อาจจะหยั่งรู้อนาคตได้ รู้แต่ว่าการเดินของเรานั้น เดินด้วยศรัทธา

เมื่อหลายสิบปีก่อน
              เมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้คนในท้องถิ่นชนบทของชาวอีสาน เมื่อต้องการมีงานทำ มีรายได้ มีค่าแรง มีเงินเดือน อยากเป็นผู้มีผิวพรรณดี แต่งตัวสวยฯ  เรียกว่ามีความทยานอยาก อยากมีฐานะ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ล้วนแต่พากันหลั่งไหลเข้าไปหางานทำที่กรุงเทพมหานคร เมืองที่พวกเขาพากันเรียกว่า "เมืองศิวิไลซ์"  แม้ในปัจจุบันนี้ก็มีผู้คนอยู่จำนวนไม่น้อยที่ยังต้องดิ้นรนขวนขวายแบบดั่งที่กล่าวมาอยู่
                จนเขาพากันหลงลืม หลงระเริงกับความสุขสะดวกสะบายไปกับโลกสมัยใหม่  หากฉุกคิด นำมาพิจารณาอย่างแยบคายด้วยปัญญาแล้ว ก็จะรู้และเข้าใจความเป็นจริงว่า "ในความแห้งแล้งนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ซ่อนอยู่ ในความทุกข์ยากลำบากนั้นมีความเป็นธรรมชาติที่สงบสุขซ่อนอยู่"  มาเถิด กลับคืนสู่อ้อมอกผืนแผ่นดินอีสานบ้านเกิดของเรา แล้วจะมีหัวใจสักดวงบ้างไหมหนอ ที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความศรัทธา ต่อประเพณีอีสานเก่าฯ ต่อแผ่นดินอีสานบ้านเกิดของเราอย่างแท้จริง (เขียนที่กระท่อมร้างกลางไร่ เช้าวันที่ 1 มีนาคม 2560)