วันที่ 11 กันยายน 2561

                 เวลา 05.15 น. ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามเบาบ้างหนักบ้างดังมาทางทิศเหนือ ต่อมาไม่นานฝนก็เริ่มตกปรอยฯ แล้วก็ตกฯหยุดฯอยู่เช่นนั้น ขณะเดียวกันผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 3 ชีวิต (แมว)  มีเจ้าหมูหลง, เจ้าลูกชิ้น, เจ้าทิฟฟี่,  ก็ส่งเสียงร้องบอกว่า  "เค้าทั้ง 3 ได้ออกบิณฑบาตรแล้ว และรอรับอาหารจากหลวงตาอยู่หน้ากุฏิ"  เช้าวันนี้ได้ทำบุญกับสหายทั้ง 3 เป็นปกติ  หากจะพูดตามความเป็นจริงแล้ว  บ่อยครั้งที่หลวงตาเองยังต้องอาศัยบารมีจากเจ้าแมวทั้ง 3 ชีวิตอยู่มาก เช่น ไก่ทอดเป็นตัวฯ (ซี่โครง) ซึ่งเป็นทั้งอาหารและขนมของเค้า  เอามา (เฉพาะบางส่วน) เป็นอาหารของหลวงตาเอง  โดยที่พวกเค้าทั้ง 3 ไม่ได้อนุญาตเลย   สมัยแรกฯที่มาอยู่วัดป่าแห่งนี้เจ้าแมวทั้งหลายได้พากันมาอาศัยอาหารจากหลวงตาเลี้ยงชีพ  กาลเวลาผ่านไปจนถึงขณะนี้ คงต้องใช้คำพูดที่เข้าข้างตัวเองว่า "พวกเราอยู่ร่วมกันก็ต้องแบ่งปันกันเอื้อเฟื้อให้ซึ่งกันและกันนะ"  ที่พวกเค้ามีบารมีมากคงเป็นเพราะ มีโยมใจดีใจบุญคอยดูแลพวกเค้านั่นเอง

                 เวลาขณะนี้ 08.11 น ฝนกำลังตก .................

                    

 

                 แม้จะเป็นค่ำคืนเดียวกัน  แต่ภาษาสมัยปัจจุบันนี้กลับเรียกว่า "เริ่มเข้าสู่วันใหม่แล้ว"  เพราะขณะนี้เวลา 01.34 น.   กว่า 20 ปี ที่ผ่านมา  ชีวิตเริ่มเปลี่ยน ตั้งแต่ครั้งที่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าปอภารเป็นต้นมา  จนถึงปัจจุบันขณะนี้  อาหารที่ได้รับทางหู ตา ลิ้น จมูก กายใจ อาหารอันประณีต เครื่องอุปโภค บริโภค ทั้งภายนอกและภายใน  เรียกได้ว่าเป็นทิพย์  เกิดจากการมีหูทิพย์ตาทิพย์จึงถูกเนรมิตขึ้น  มิใช่ว่าผู้ที่เนรมิตขึ้นนั้นร่ำรวยล้นฟ้า  แต่หากเป็นเพราะว่า  "เห็นคุณค่าของชีวิตที่เกิดมา" และมิใช่เพียงแค่เกิดเฉพาะทางกายเท่านั้น  เห็นคุณค่าของการเกิดทางจิตทางวิญญาณ อยู่บนภพภูมิที่เจริญต่างหาก

                 บ่อยครั้งเหลือเกิน  ที่รู้สึกว่าชีวิตของเราเหมือนกำลังฝัน  เป็นฝันที่สัมผัสได้ทั้งยามหลับและยามตื่น  เป็นฝันแบบไม่มีอนาคต ไม่มีอนางอ  เป็นฝันที่มีเฉพาะปัจจุบันในขณะนี้ฯ  โอ้หนอ... แล้วเจ้าหมูหลง, เจ้าลูกชิ้น, เจ้าทิฟฟี่, จะฝันเหมือนเราหรือเปล่าหนอ...

 
 
 
บันทึกในไดอารี่