"ความสุข" ที่ผู้คนทั่วไปแสวงหาตั้งแต่อดีต.. จนถึงในปัจจุบันวันนี้.. แทบจะทั้งนั้นคือความสุขที่ล้วนเกิดจากการได้, การมี, การเป็น, ทั้งที่เป็นวัตถุสิ่งของ, มีทรัพย์สินเงินทองเป็นต้น และสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งของ มีชื่อเสียง, เกียรติยศเป็นต้น  มีผู้คนอยู่ไม่น้อยที่ดิ้นรน ขวนขวายแสวงหาสิ่งเหล่านี้จนตลอดชีวิต อาจจะพบบ้าง หรือไม่พบเลย แต่ทั้งหมดก็ต้องพบกับความล้มเหลว "เพราะใจไม่พบกับคำว่าพอ" แล้วก็ต้องแสวงหาต่อไป  จนในที่สุดร่างกายก็ถึงกาลแตกดับ ดวงจิตก็แสวงหาที่พึ่ง ที่เกาะ ที่ยึด อีกต่อไป...

             "บุญกุศล, คุณความดี, การให้ที่บริสุทธิ์" ต่างหาก  เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของชีวิต สามารถจะนำพาชีวิตของเราไปสู่จุดที่มีความอิ่ม ความพอของจิตใจเราได้ ตราบใดที่ร่างกายยังไม่ถึงกาลแตกดับ ก็ทำหน้าที่ทางกายตามสมมุติของโลกไป  แต่.. บุญกุศล คุณความดี ความเอื้อเฟื้อ การให้ที่บริสุทธิ์ ที่แต่ละคนได้เคยสั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงชาติปัจจุบัน มีมากน้อยแตกต่างกัน การดำเนินชีวิตของแต่ละคนจึงพบกับความทุกข์ สุข อุปสรรค และความราบรื่นที่ต่างกัน  บุญทำกรรมแต่งให้ชีวิตของแต่ละคน เดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างกัน...

 
 

             ตลอดสามพรรษาที่ผ่านมา  ณ วัดป่าดงยาง แห่งนี้. ชีวิตก็ดำเนินไปตามอัตภาพ อาหารทางกายก็พอรักษาโรคหิวให้ร่างกายตั้งอยู่ได้  ที่อยู่ทางกายก็พอบังแดดบังฝนได้ตามอัตภาพ  ส่วนทางจิตใจนั้นทั้งอาหารและที่อยู่ ได้อาศัยคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง  บางโอกาสก็ได้ไปทำงาน (หน้าที่) ตอบแทนคุณพระรัตนตรัย เสร็จจากงานก็กลับสู่ป่า   เอื้อเฟื้อแบ่งปันกับเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย มีลิง, แมว, กระรอกกระแต, นกชนิดต่างฯ เป็นต้น.

อาหารลิง,กระรอกกระแต,และนก.

          เช้าวันนี้ (19พย.58) มีโยมมาถวายกล้วยน้ำว้า จึงได้แบ่งให้กับ "เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย" ที่มาอาศัยอยู่ในป่าผืนเดียวกันนี้ โดยแขวนไว้ตามต้นไม้ จึงใช้โอกาสนี้บอกไปยังเพื่อนฯทุกฯตัวว่า "จงแบ่งกันกินนะ อย่าหวงอย่าแย่งกันกิน และให้รักสามัคคีกันไว้ตลอดไป"
         บรรดาเพื่อนฯทั้งหลายที่มีอยู่ และไปมาหาสู่กันเป็นประจำในปัจจุบันนี้ ประกอบด้วย... แมว5ตัว(อยู่ประจำ), ลิง1ตัว(มาบางโอกาส), กระรอกกระแต3-4ตัว(มาบางโอกาส), นก+กาจำนวนมาก(อยู่ประจำ), สุนัข2ตัว(มาบางโอกาส), สุนัขส่วนมากจะมากับคนเก็บเห็ด และจะเตลิดหนีเพราะโดนยายแมวไล่ (แมวที่เกิดก่อนจนมีลูกและหลานจึงเรียกว่ายายแมว) เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.

 

             นับย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2558  เวลาบ่ายโมงได้ยินเสียงแมวพากันร้อง และวิ่งหนีหาที่หลบภัยด้วยความหวาดกลัว เมื่อออกจากกุฏิไปดูจึงรู้ว่าไม่ใช่ใครอื่นเลย.. เขาคือสมาชิกใหม่ผู้เข้ามาอาศัยอยู่ในป่าแห่งเดียวกัน "เจ้าลิงจ๋อ" นั่นเอง.......

 

          เจ้าลิงจ๋อเข้ามาสู่ป่าแห่งนี้ลำพังตัวเดียว จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่.. สิ่งที่เขามีเหมือนกันกับมนุษย์ก็คือการแสวงหาอาหารและหาทำเลที่อยู่ ที่ใดรู้สึกว่าชีวิตปลอดภัยและมีอาหารกินเขาคงจะอยู่ที่นั่น การเดินทางมาตัวเดียวเขาคงจะชินกับความโดดเดี่ยวเดียวดายแล้วกระมัง... แต่บางคืนก็ได้ยินเสียงร้องอยู่ หรือว่าเขาอาจจะดีใจที่ได้พบกับอาหารโปรดคือกล้วยน้ำว้า ที่เอาไปแขวนตามกิ่งไม้ คงอาจจะจริงเพราะเช้าวันรุ่งขึ้นกล้วยน้ำว้าสุกหวีนั้น ถูกปลอกกินจนหมด
          หนึ่งเดือนต่อมา ผู้คนที่เข้ามาช้อบปิ้ง (เก็บเห็ด) อยู่ในซูปเปอร์มาเก็ต (ในป่า)  พอทราบว่ามีลิงเข้ามาอาศัยอยู่ในป่าด้วย ต่างพากันหวาดกลัว เพราะความร่มรื่นของป่าบนเนื้อที่ 300 ไร่ จึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นาฯ ชนิด แม้ผู้เขียนเองก็ยังมาอยู่อาศัยผืนป่าแห่งนี้ เพื่อแทนคุณแผ่นดินเกิด.

 
 

                     เวลา 12.39 น. เสียงร้องสุดเสียงแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างแรงดังลั่นอยู่ข้างกุฏิ  เมื่อรีบเปิดผ้าม่าน (ประตู) ออกไปดูจึงพบกับชีวิตหนึ่งที่ขณะนั้นไม่มีสติแล้ว เพราะความกลัวตายอย่างสุดขีดนั่นเอง... เมื่อดูอีกครั้งจึงพบว่ามีใส้ส่วนหนึ่งทะลุออกมานอกท้อง เพราะความแหลมคมของอาวุธจากศัตรูผู้ไร้ความปราณี  ต่อมาจึงได้ติดต่อรถพยาบาล และนำร่างนั้นเข้ารับการรักษาโดยด่วน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาล คุณหมอได้บอกถึงอาการและการรักษาว่า.. "พระอาจารย์คะน้องแมวต้องเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน และเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาได้" จึงได้ตอบคุณหมอไปว่า.. (อาจารย์มีความปรารถนาต้องการให้แผลของน้องแมวหาย และมีชีวิตอยู่ต่อไป ให้คุณหมอช่วยหาวิธีเถิด) แล้วคุณหมอจากโรงพยาบาลสัตว์ก็วางสายไป....

                  หากออกไปช่วยไม่ทัน เชื่อว่าคงหมดลมสิ้นชีวิตคาที่อยู่ที่เกิดเหตุแน่นอน การให้ชีวิตด้วยความบริสุทธิ์เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นบุญอย่างยิ่ง  แต่.. ก็แปลก การจะช่วยชีวิตของสัตว์ที่บาดเจ็บอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อช่วยเต็มที่แล้วจะมีชีวิตรอดหรือไม่? ทำไมจึงต้องมีค่ารักษาพยาบาลก่อน  หรือยุคปัจจุบันนี้ ชีวิตถูกตีค่าเป็นเงินแล้ว.. ก็ได้แต่หวัง หวังว่าน้องแมว (เรียกตามคุณหมอ) จะมีชีวิตรอดกลับมา และใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิด (บนหลังคากุฏิ) อยู่ครบพร้อมหน้าของครอบครัวซึ่งประกอบด้วย คุณแม่, คุณยาย, น้าสาว, พี่, น้องฯ, และหลวงตาไดอารี่

                     ปัจจุบันมีแมวอยู่ 7 ชีวิตด้วนกัน หนึ่งชีวิตขณะนี้ คุณหมอนำเข้าห้อง ไอซียู ซึ่งต้องฉีดยาสลบก่อน จึงจะผ่าตัดได้   ทุกชีวิต (ยกเว้นคุณยายแมว) เกิดที่กุฏิหลังนี้ และเจริญเติบโตอยู่ในอาณาเขตบ้านของเขา  แต่ก็ยังมีอยู่ 3 ตัว เมื่อเจริญวัยแตกเนื้อสาวแล้ว แต่งงาน ตั้งท้องแล้ว เห็นว่าอยู่บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่จำนวนมาก อาหารขาดแคลน จึงได้อุ้มท้องไปคลอดและตั้งรกรากอยู่หมู่บ้านอื่น... รายละเอียดชีวิตน้องชิงดำ

 

คุณแม่ของน้องแมว และน้าสาวน้าสาวขณะหลับอย่างมีความสุขคืนนี้นอนหลับทั้งครอบครัว