เริ่มจากอาจารย์มาอยู่ที่ผืนป่าแห่งนี้บนเนื่อที่ 300 ไร่... การก่อสร้างกุฏิที่พัก ที่จำเป็น สำหรับการดำเนินชีวิตเพื่อปฏิบัติศาสนกิจ เริ่มจากการเก็บหอมรอมริบเงินที่เจ้าภาพ (เจ้าอาวาส) และญาติโยมบูชาธรรม จากการไปทำหน้าที่ (วิทยากรในงานปฏิบัติธรรม) เหลือจากค่ารถค่าเดินทางแล้ว ก็นำมาซื้อวัสดุและจ้างช่าง บางครั้งก็มี สมณะและญาติธรรมมาร่วมทำบุญ มาในชื่อที่เรียกกันว่า ผ้าป่าสามัคคีบ้าง เป็นคณะบ้าง เป็นครอบครัวบ้าง "อาจารย์ไม่ถนัดในการพิมพ์ซองแจกซอง" ซองผ้าป่าหรือซองบอกบุญที่เกิดขึ้น จึงเป็นการดำเนินการของบุคคลหรือคณะที่มีศรัทธาทั้งหมด พอ "น้องปรางและคณะ" โอนเงินมาร่วมทำบุญจำนวน 11,600 บาท อาจารย์คิดว่า "โอ้... ค่าแรงของช่างที่กำลังมุงหลังคาอยู่ บัดนี้ก็พอจะได้นำไปใช้จ่ายจุนเจือครอบครัวบ้างแล้วหนอ" ถึงจะเป็นบางส่วน แต่ก็ยังดีกว่า "การรอ.. รออย่างไม่มีกำหนด" ปัจจุบันไม่มีกำหนดการใดฯ ว่าจะมีผ้าป่าหรืองานฉลองอะไรเลย เมื่อก่อนอาจารย์เคยคิด.. กุฏิหลังนี้กว่าจะสร้างเสร็จ อาจจะใช้เวลาถึง 20 ปี แต่เดี๋ยวนี้ไม่คิดอย่างนั้น บางครั้ง... ก็คิดอยู่ว่า "หากเสร็จสมบูรณ์และได้เข้าอยู่ ในขณะที่เรายังไม่ตาย ก็ดีแล้ว" หากเราตายไปก่อน ก็จะเป็นที่พักบังแดดบังฝนของพระธุดงค์ที่ผ่านมา, หรือพระที่มาปลีกวิเวก, เพราะสถานที่แห่งนี้แห้งแล้งกันดารสิ่งที่ชาวโลกแสวงหา (ยศตำแหน่ง, ลาภสักการะ, สรรเสริญ, ความสะดวกสะบาย) นั้น ไม่มี ตั้งแต่อาจารย์เริ่มมาอยู่ที่วัดป่าแห่งนี้จนปัจจุบัน 3 วันบ้าง 4 วันบ้าง จึงมีญาติโยมมาถวายอาหาร ก็ถือคติว่า มีก็ฉัน ไม่มีก็เฉย และอยู่ตามบุญที่เรามีต่อไป.... |