กับวันเวลาที่เหลือน้อยลง ฯ อยู่ทุกขณะ (ขณะนี้เวลา 22.09 น ของวันที่ 7 กพ.) นับถอยหลังไปเมื่อ 15 วันที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ตลอดช่วงวันเวลาที่ผ่านไปนี้ มีความรู้สึกแปลกฯ รู้สึกว่าตัวเอง เหมือนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ก็ไม่อยากใช้คำว่า โดดเดี่ยว, เดียวดาย, แต่ก็ไม่ทราบว่าจะใช้ภาษาพูดว่าอย่างไรดี หากจะดูภาพกิจกรรมต่างฯ + รายละเอียดการเดินทางแสวงบุญที่ลงในเว็บ ก็อาจจะพอทราบใด้เพียงภายนอกบางส่วนเท่านั้นเอง แต่ภายในแล้ว เป็นดั่งเช่นที่กล่าวไว้เบื้องต้น ถึงจะอย่างไรก็ตามก็ขอขอบใจเว็บไซต์ "ไดอารี่บุญ" นี้ ที่เป็นเพื่อนกัลยาณมิตรมาโดยตลอด เป็นเพื่อนแท้ ที่สามารถระบาย และบอกความในใจใด้ ที่สำคัญคือยอมรับฟังทุก ฯ เรื่อง ด้วยอาการสงบ เข้าใจด้วยดีเสมอมา ขอบใจ และขอบใจมากฯ ตลอด 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา มีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า การมาใช้ชีวิตที่วัดป่าดงยางแห่งนี้ เป็นบุญกุศล และควรทำอย่างยิ่ง การมาอยู่ใช้ชิวิตในสถานที่ ที่ ไม่มีผู้ใดอยากอยู่ เพราะแห้งแล้ง, กันดาร, ฝืดเคือง, ในเกือบจะทุกอย่าง สถานที่สิ่งแวดล้อมที่อยู่ยากเช่นนี้แหละควรอยู่ ซึ่งเป็นการยากมากที่จะมีใครสักคนเข้าใจถึงสิ่งที่กล่าวมานี้ แต่ที่เรารู้อยู่ตลอดเวลาและเสมอมาคือ "เราเข้าใจเรา" อภินิหาร แห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ กำลังจะเกิดขึ้นจริงหรือ (ขณะนี้เวลา 17.30 น. ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์) ขณะนี้อยู่บนรถตู้เดินทางจาก จ.สระแก้ว เข้า กทม. จุดประสงค์คือ วันพรุ่งนี้ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 08.30 น. ต้องไปยังจุดนัดพบเพื่อพิมพ์นิ้วมือ ทำวีซ่าเข้าประเทศอินเดีย - เนปาล รถตู้ที่เรากำลังนั่งอยู่นี้ก็ไกล้หมดระยะแล้ว เราเองก็ต้องลงจากรถ เข้าสู่ป่าคอนกรีต แล้วเราจะพบกับอะไรอีกหนอ นับย้อนหลังไป เวลา 12.00 น. ของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ขณะนั้นมีรถจากวัดบึงพระรามมาส่ง เพื่อขึ้นรถตู้ที่คิวรถ จ.สระแก้ว มีพระเจ้าอาวาส และพระอาจารย์ "ต้อง" มาส่ง คนขับรถได้ถามขึ้นมาว่า "อาจารย์ลงกรุงเทพฯแล้วจะไปพักที่ใดหรือ" จึงได้ตอบไปว่า "ไม่รู้" คนขับอุทานขึ้นมาว่า "อ้าว" แล้วความเงียบก็ปกคลุมภายในรถ จึงพิจารณาถึงคำพูดที่ตอบคนขับรถว่าถูกหรือเปล่ากับคำตอบเช่นนั้น และต่อมาก็สรุปในใจเองว่าถูกต้องแล้ว เพราะอาจารย์ท่านได้สอนใว้ว่าให้อยู่กับปัจจุบัน และคิดต่อไปว่าหากบอกตามความตั้งใจแล้วเขาจะฟังเข้าใจหรือเปล่า เพราะเรากะว่าจะไปขออาศัยพักวัดบริเวณไกล้ฯ กับจุดนัดพบ หากไม่มีวัดอยู่แถวนั้น ก็กะว่าจะนอนในป่าคอนกรีตปักกลดบริเวณแถวฯนั้นสัก 1 คืน แล้วรุ่งเช้าก็เก็บกลด บาตร เครื่องบริขารทั้งหมดติดตัวขึ้นไปยังชั้น 22 ของตึก อโศก 253 พิมพ์ลายนิ้วมือต่อไป เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่กับความจริงแบบพระอย่างเรา เมื่อรถตู้เข้าสู่เขตกรุงเทพฯ พระอาจารย์ต้องที่นั่งอยู่เบาะหลังได้พูดขึ้นว่า "อาจารย์ศักดา ผมได้ติดต่อกับพระเพื่อนที่วัดพรหมวงศารามใว้แล้ว อาจารย์สามารถไปพักที่วัดนั้นได้นะครับ" ขณะนั้นคิดว่า "โอ้..อภินิหารเกิดขึ้นอีกแล้วหรือนี่" และในค่ำคืนนั้นจึงได้พักหลับนอนที่วัดพรหมวงศาราม และเมื่อถึงรุ่งเช้าก็ไม่ต้องนำบาตร กลด เครื่องบริขารทั้งหมดติดตัวขึ้นไปยังชั้น 22 ของตึก... ขอบคุณมากครับสำหรับความเอื้อเฟื้อ ขอบคุณอาจารย์ต้อง, ขอบคุณพระมหากิจแห่งวัดพรหมวงศารามครับ |